โลกโซเชียลอันตรายแชร์แชทเท็จอาจได้รับโทษจำคุก

โลกโซเชียลอันตรายแชร์แชทเท็จอาจได้รับโทษจำคุก

005

ในปัจจุบันสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์คได้รับความนิยมเป็นวงกว้างไปทั่วโลก  ทำให้ผู้คนได้รับข่าวสารอย่างรวดเร็ว การสื่อสารยิ่งได้รับการพัฒนาเพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือก็สามารถเข้าถึงการสื่อสารที่ไม่ต้องใช้คำพูด แต่ใช้ตัวอักษรสื่อสารแทนคำพูดเพื่อให้บุคคลอื่นได้รับสารและส่งต่อๆ กันไปเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่เคยสื่อสารกันทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Mail ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อมาสื่อสารและกระจายข่าวสารกันทางเฟซบุ๊ค ( Facebook ) จนมาถึงยุคของการสื่อสารกันทางไลน์ ( Line ) โดยมีเพียงโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งแอปไลน์ และอุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ง่ายจากการใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ของเอกชน

ส่วนข้อความข่าวสารต่างๆ ที่จะเป็นจริงหรือเท็จนั้น  ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ในปัจจุบันบางข้อความหรือภาพตัดต่อที่เข้าข่ายเป็นการใส่ความบุคคลอื่นต่อบุคคลที่สามที่ถูกแชร์หรือแชทกันทางเฟซบุ๊คหรือทางไลน์นั้น  บางคนได้รับข้อมูลมาโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองได้รับข้อความหรือภาพมาแล้วก็แชร์ข้อความหรือภาพนั้นไปให้เพื่อนทั้งส่วนตัวและกลุ่มไลน์อีกทอดหนึ่ง  จนเกิดเป็นปัญหาตามมาคือ ผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทดำเนินคดีฟ้องผู้ที่ทำการหมิ่นประมาทต้นทางของการหมิ่นประมาทและผู้แชร์ข้อความหรือภาพดังกล่าว ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เป็นการหมิ่นประมาทต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้รับความ ส่วน มาตรา 328 เป็นเรื่องของการหมิ่นประมาทที่ได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ หรือบันทึกอีกษร กระทำโดยกระจายเสียง หรือการกระจายภาพหรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

แต่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คมีการกระทำความผิดกันมากขึ้นเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทด้วยข้อความหรือภาพ จนในปี พ.ศ.2550 รัฐบาลจึงร่างกฎหมายเพื่อควบคุมการละเมิดสิทธิของประชาชนและเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ขึ้น

ในที่นี้จะกล่าวถึงเรื่องการที่ผู้คนแชร์และแชทกันเป็นวงกว้างทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐรวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งความผิดตามพระราชบัญญัตินี้อยู่ใน มาตรา 14  มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากมีการดัดแปลงภาพผู้อื่น หรือเป็นการตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการอิเลคทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับหมื่นเกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากผู้ใดแชร์หรือแชทกันสนุกมืออาจถูกดำเนินคดีในฐานความผิดตั้งแต่การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ประกอบกับความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ดังที่กล่าวมาข้างต้น  ถ้าการกระทำเป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด  ส่วนเรื่องของการหมิ่นประมาททั่วไปและด้วยการโฆษณานั้นหากเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนเองหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครรลองคลองธรรม หรือในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่ หรือติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท 

                มาถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านคงจะต้องกลับมานึกคิดกันเสียใหม่แล้วว่า  ต่อไปการที่จะแชร์หรือแชทข้อความ หรือภาพใดๆ ที่เป็นการต่อเติม ดัดแปลง อันมีลักษณะเข้าข่ายในความผิดของเรื่องหมิ่นประมาทและความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แล้ว ก็อย่าได้แชร์ต่อจากผู้ที่แชทส่งมาให้  เพราะท่านผู้อ่านอาจจะถูกดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย ( ผู้ต้องหาในกรณีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน , ส่วนจำเลย  ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลเอง ) แล้วแต่กรณีโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ด้วยความปรารถนาดีจาก ทนายเกียรติศักดิ์  ช่อเจริญ

085-8631441