ภาค5 แถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

S__24313869วันที่  31  มี.ค 58  เวลาป 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ   พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ,พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 , พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 , พ.ต.อ.ชินวิช  วิชัยธนพัฒน์  รองผู้บังคับการสืบสวนฯ , พ.ต.อ.วีรชน  บุญทวี  รองผู้บังคับการสืบสวนฯ , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 1 ฯ

ได้จับกุมผู้ต้องหาคือนางมณีรัตน์ หรือ นางกฤติยาวารี  หรือ แหม่ม ศรุณานิธิโรจน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 444/131 หมู่ 1 ต.สันทรายน้อย  อ.สันทราย จ.เชียงใหม่  ตามหมายจับของศาลแขวงเชียงใหม่ รวม 20 หมายจับ ของ สภ.ช้างเผือก เชียงใหม่ ข้อหา ยักยอก เหตุเกิดที่ ต.ช้างเผือก อ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่

ก่อนเกิดเหตุนางมณีรัตน์ หรือนางกฤติยาวารี หรือ แหม่ม ศรุณานิธิโรจน์ ผู้ต้องหา ได้เข้าไปตีสนิทกับร้านรถเช่า ทีเจ คาร์เร้นท์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่   โดยได้พาเจ้าของร้านรถเช่าดังกล่าวไปดูบ้านของตนเองเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และหลอกลวงว่าผู้ต้องหาเป็นคนมีฐานะดี และรู้จักนักธุรกิจต่างชาติ โดยจะขอเช่ารถยนต์เป็นรายเดือนเพื่อนำไปให้ลูกค้าของตนซึ่งเป็นชาวต่างชาติเช่าต่อ ผู้ต้องหาได้เช่ารถยนต์จากร้านดังกล่าวครั้งละ 2 คัน  โดยเช่าเป็นรายเดือน โดยเดือนแรกและเดือนที่สอง  ได้ส่งชำระค่าเช่าตรงตามปกติ แต่เดือนที่สาม ผู้ต้องหาได้ผัดผ่อนไม่ส่งค่าเช่าให้แก่ร้านเช่ารถดังกล่าว ต่อมาเจ้าของรถยนต์ที่ให้ผู้ต้องหาเช่าได้ติดตามรถยนต์ของตนเองคืนได้ ซึ่งรถยนต์ถูกนำไปจำนำในสถานที่ต่างๆ เจ้าของรถยนต์จึงได้สอบถามผู้ต้องหา ผู้ต้องหารับว่าได้นำรถยนต์ไปจำนำจริง และจะหาเงินคืนให้ แต่ไม่แจ้งว่าจำนำไว้ที่ใดบ้าง เจ้าของรถผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเช่ารถจำนวนประมาณ 35 คัน ซึ่งเจ้าของรถได้ติดตามได้รถคืนมาจำนวน 15 คัน และอีกประมาณ 20 คัน ยังไม่สามารถติดตามรถกลับคืนมาได้ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เสียหายประมาณ 10 ล้านบาทเศษ

นอกจากนี้ผู้ต้องหายังได้หลอกลวงบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก โดยไปตีสนิทกับบุคคลที่มีฐานะดีและหลอกให้ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเป็นนักธุรกิจมีฐานะ ต้องการนำเงินไปลงทุนซึ่งต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งซึ่งผู้ต้องหาได้ทำสัญญากู้ยืมเงินผู้เสียหายและจะให้ดอกเบี้ยสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้เงินผู้ต้องหากู้เงิน ต่อมาเมื่อถึงเวลาต้องชำระเงินกู้ ผู้ต้องหาอ้างกับผู้เสียหายว่ายังต้องลงทุนเพิ่ม และให้ผู้เสียหายหาบุคคลอื่นที่มีเงินให้กู้ยืม โดยผู้ต้องหาได้เป็นผู้กู้เงินและให้ผู้เสียหายเป็นผู้ค้ำประกัน โดยนำเงินที่กู้มาได้คืนให้กับผู้เสียหายส่วนหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้ ซึ่งผู้ต้องหาได้กระทำความผิดลักษณะนี้หลายครั้ง ซึ่งได้มีผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์และให้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี  ซึ่งในคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาทเช่นกัน หากผู้ใดได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงของผู้ต้องหาดังกล่าวให้มาตรวจสอบได้ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5

ทีมข่าว ซีเอ็มสกาย นิวส์ รายงาน

 

 

web kubet chính thức | nhà cái kubet | soi cầu bạch thủ | đăng ký kubet | cách tìm cầu đẹp | dự đoán kết quả bóng đá | mẹo đánh lô ngày mai | tăng tỉ lệ chiến thắng | chiến thuật cá độ | tăng tỉ lệ chiến thắng