ประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบไนท์บาซาร์นัดแรกพ่อเมืองเชียงใหม่นั่งหัวโต๊ะเคาะเอง เบื้องต้นสั่งดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครอง ให้เทศบาลนครเชียงใหม่ออกหนังสือเตือนทุกรายได้รับทราบ ชี้ล๊อคขายสินค้าต้องไม่มีรถเข็นขนาดใหญ่ 18 พ.ย.57 ดีเดย์ตรวจเข้มปูพรม ใครไม่เปลี่ยนส่งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี นำรถเข็นอายัดไว้ที่โรงพักทันที ก้าวต่อให้เทศบาลนครเชียงใหม่ขีดสีตีล๊อคให้ชัด ส่วนพวกมีล๊อคเยอะเล็งเรียกคืน ไม่เกิน 2 ปี ต้องทำไนท์บาซาร์กลับมาโด่งดังเหมือนเช่นอดีต ที่สำคัญต้องไม่ขูดรีด สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต้องไม่มีเด็ดขาด
ที่ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดหวัดเชียงใหม่ ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบไนท์บาซาร์จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ มีประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 28 ต.ค.57 ที่ผ่านมา ซึ่งในวาระเรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ เป็นการแจ้งเกี่ยวกับประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว โดยคณะกรรมการฯ ชุดนี้มี ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน มีผู้แทน ผบ.มทบ.33 เป็นรองประธานคณะกรรมการฯ คณะกรรมการมีทั้งสิ้น 15 คน จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ โดยมีนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้มีตัวแทนกลุ่มพ่อค้า ปรากฏรายชื่อเป็นกรรมการด้วย 3 คน ได้แก่ นายวิชัย อุ่นปฐมวงศ์ นายทัชช ฤทธิมัด และ นายวินัย จิตตรัตน์เสนีย์ ส่วนวาระที่เหลือเป็นการรายงานความเป็นมาและปัญหาของไนท์บาซาร์ แนวทางการแก้ไขปัญหาไนท์บาซาร์และการเตรียมเปิดตัวไนท์บาซาร์ ซึ่งนำเสนอโดย หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่
หลังการประชุม นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในการดำเนินการจัดระเบียบไนท์บาซาร์ เชียงใหม่ เบื้องต้นจะให้มีการดำเนินการจัดระเบียบตามที่ศาลปกครองมีคำสั่งก่อน โดยให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ออกหนังสือแจ้งให้แก่ผู้ค้าทุกคน ว่าจะมีการดำเนินการจัดระเบียบให้เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครอง โดยประการแรกคือ การจัดให้แต่ละคนเข้าประจำยังที่ของตนที่ได้รับอนุญาต ประการที่ 2 รถเข็นที่เป็นตู้จะต้องเปลี่ยนเป็นแบบน๊อคดาวน์ ประการที่ 3 เรื่องการจัดระเบียนการจราจร ซึ่งได้มอบหมายให้ทางตำรวจจราจรภูธรเชียงใหม่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดระเบียบ คอยควบคุมไม่ให้ล้ำเส้น
“ที่ต้องดำเนินการอีกส่วนคือ ได้มอบหมายให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ไปตีเส้นจัดเป็นล็อคให้ชัดเจน ส่วนรายชื่อในแต่ละล๊อคให้เป็นไปตามบัญชีนั้น โดยกำหนดให้ดำเนินการภายในวันที่ 18 พ.ย.57 นี้ ขั้นตอนต่อไปจะต้องมีการพัฒนากันหรือไม่ว่าจะให้มีการฝึกอบรม การประชุมทำความเข้าใจร่วมกัน ทำความเข้าใจร่วมกันว่าจะมีการพัฒนา การปรับปรุงหรือไม่ เช่น การพูดจากับลูกค้า การไม่เอารัดเอาเปรียบลูกค้า เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ เรื่องของปลอมของเลียนแบบ ซึ่งจะค่อยๆ พัฒนา ในที่สุดก็น่าจะไปถึงจุดที่ว่า การออกแบบซุ้มขายของให้มีเอกลักษณ์ความเป็นล้านนา มีความสวยงาม โดยจะให้ทางคณะสถาปัตยกรรม ม.เชียงใหม่ มาเป็นผู้ออกแบบ รวมถึงการปรับปรุงสภาพให้มีความกลมกลืนสอดคล้องกับพื้นที่ที่มีอยู่ถาวรของภาคเอกชน ให้น่าเดิน ให้กลับมาเป็นไนท์บาซาร์ตลาดกลางคืนแห่งแรกของประเทศไทยที่คนอยากเดิน” ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีการพูดคุยกันในหลายประเด็นมาก ใช้เวลานานซึ่งได้เป็นประเด็นหลักๆ ที่ต้องดำเนินการก่อน ส่วนประเด็นปัญหาย่อยๆ เช่น คนหนึ่งมีหลายล๊อค เรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เป็นเรื่องปลีกย่อยที่เราต้องดำเนินการแก้ไขกันต่อไป ส่วนบางรายที่พบว่ามีสิทธิหลายแผงเพราะค่อยๆ ซื้อเก็บเป็นของตัวเอง ก็อาจต้องขอคืน ขอซื้อคืน
“วันที่ 18 พ.ย. 57 เริ่มตรวจ ใครที่ยังเป็นล้อเข็นอยู่ก็ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ระหว่างดำเนินคดีให้นำรถเข็นไปเก็บไว้ที่โรงพัก หากยังอยากจะค้าขายต่อก็เอาที่เป็นแบบน๊อคดาวน์มาตั้งขายได้ ก็ว่าเป็นคนๆ ไป เบื้องต้นของการจัดระเบียบโดยจะต้องให้เป็นไปตามระเบียบของเทศบาลนครเชียงใหม่ที่ได้อนุญาตไว้ ส่วนเรื่องของการพัฒนาในด้านต่างๆ ก็ค่อยๆ ทยอยทำตามไป ไม่น่าจะถึง 2 ปีก็น่าจะแล้วเสร็จ กลับมาเป็นไนท์บาซาร์ที่น่าเที่ยวดังแต่ก่อน”
“ที่เป็นปัญหาซึ่งมักจะเกิดขึ้นในทุกๆ ที่ที่เป็นแหล่งขายของด้วยที่ต้องทำความเข้าใจ ต้องขอความร่วมมือให้ช่วยกันคือ เรื่องการขูดรีดนักท่องเที่ยว เพราะขายแบบนี้ได้แค่วันเดียวสองวัน แต่ระยะยาวจะขายไม่ได้อย่างยั่งยืน เมื่อเขาเจอแล้วไปบอกต่อ เขาก็จะไม่มาเดิน ไม่มาซื้อ ต้องสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้น ให้เขาไปพูดต่อให้ได้ว่ามาเที่ยวเชียงใหม่ มาเที่ยวไนท์บาซาร์ จับจ่ายใช้สอยได้สินค้าที่มีราคายุติธรรม เมื่อเขาไปบอกต่อเขาก็จะกลับมาเที่ยวอีก กลับมาซื้ออีก” ผวจ.เชียงใหม่ แจง
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิต์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า การพูดจาไพเราะอ่อนหวานของความเป็นวัฒนธรรมของคนเชียงใหม่ต้องกลับคืนมา ประเภทกระโชกโฮกฮาก ต้องไม่มีให้เกิดขึ้นในเมืองเชียงใหม่ อาจต้องเอาคนที่ความรู้ความเข้าใจความเป็นเชียงใหม่มาสอนเทคนิคการเจรจาค้าขายแบบคนเชียงใหม่ คนล้านนาในแต่อดีต นอกจากนี้อาจมีการจัดทำพิพิธภัณฑ์ความเป็นมาของไนท์บาซาร์แต่อดีต นำภาพเก่าๆ มาจัดเป็นนิทรรศการถาวรให้นักท่องเที่ยวได้ชม ที่สำคัญที่สุดต้องไม่มีสินค้าปลอด สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มาตั้งวางจำหน่าย ต้องให้มีเฉพาะสินค้าที่เป็นงานฝีมือของคนเชียงใหม่จริงๆ มาจำหน่ายในพื้นที่ไนท์บาซาร์เท่านั้น ความเป็นไนท์บาซาร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่อดีตก็จะกลับคืนมา
แม่เหี๊ยะ 51