แม่ทัพภาค 3 ประชุมคณะกรรมการ อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ พร้อมแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา
วันที่ 29 สิงหาคม 2561 ที่ โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ท. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการศูนย์ อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.), พล.ท.ดำริห์ สุขพันธุ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, นายนิยม เติมศรีสุข ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส.,พล.ต.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันทน์ ผู้บัญชาการ กองพล ทหารราบที่ 7, ผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.ปส.ชน.), พล.ต.ท. พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 5, นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงใหม่, พล.ต.ต.ศรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปราม ยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ และคณะทำงาน ร่วมประชุม คณะกรรมการอำนวยการ โดยมีวัตถุประสงค์การประชุมเพื่อให้ ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์, พิจารณาแก้ไขปัญหาข้อขัดข้อง และกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยสรุปสถานการณ์ยาเสพติด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ โดยแหล่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงผลิตยาเสพติด ประเภทยาบ้า, ไอซ์ และเฮโรอีน ได้เป็นจำนวนมากกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุเนื่องจากสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดยังคงสามารถส่งเข้าแหล่งผลิต ยาเสพติดได้หลายทิศทาง อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการลักลอบ ลำเลียงเข้าสู่เขตไทย ยังคงดำเนินการ มาโดยตลอด และสามารถส่งเข้ามา ทดแทนยาเสพติดที่ถูกจับกุมได้ สำหรับทิศทางการลำเลียงยาเสพติด ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปลักลอบนำเข้าทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดเชียงรายเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่เหลือจะกระจาย ไปทางด้านจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ, ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด คาดว่าแหล่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน จะยังคงผลิตยาเสพติด อย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ จะเป็นพื้นที่นำเข้าหลักอยู่ต่อไปพื้นที่เพ่งเล็ง ได้แก่ พื้นที่ด้านตรงข้าม อ.เวียงแก่น และอ.เชียงของ จ.เชียงราย, พื้นที่ด้านตรงข้าม อ.แม่สาย และอ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย, พื้นที่ด้าน ตรงข้าม อ.แม่อาย, อ.ฝาง, อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ซึ่งผลการปฏิบัติงานศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ควบคุมอำนวยการ ประสานงานให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, จ.เชียงรายและ จ.แม่ฮ่องสอน ห้วงตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2560 ถึง 15 สิงหาคม 2561 สรุปผลการ ปฏิบัติงานที่สำคัญดังนี้ ด้านการสกัดกั้นปราบปราม สามารถ จับกุมยาบ้าจำนวน 71,048,358 เม็ด,ไอซ์ จำนวน 3,704.4 กิโลกรัม, เฮโรอีน จำนวน 79.1 กิโลกรัม จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 784 คน
ในด้านการป้องกันตามโครงการประชารัฐ ร่วมใจปลอดภัยยาเสพติดปี 2561 และโครงการไทยนิยมยั่งยืน รอบที่ 2 (ตั้งแต่ 21 ก.พ. 2561) ผลการดำเนินงานตามแผนประชารัฐฯ ปี 2561 การสร้างภูมิคุ้มกันและ การป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเด็กปฐมวัย, กลุ่มเด็กปฐมศึกษา, มัธยมศึกษา, อาชีวศึกษา, อุดมศึกษา และ สถานประกอบกิจการ เป้าหมายใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ดำเนินการ แล้ว จำนวน 8,845 แห่ง ของเป้าหมาย ทั้งประเทศ (สูงกว่าผลการดำเนินการ ภาพรวม)
โครงการไทยนิยมยั่งยืน รอบที่ 2 (ตั้งแต่ 21 ก.พ. 2561) ผลการสำรวจ ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีหมู่บ้านที่นำเข้าผลสำรวจ จำนวน ทั้งสิ้น 7,257 แห่ง พบว่าเป็นหมู่บ้าน ที่มีปัญหายาเสพติด จำนวน 2,453 แห่ง
ในด้านผลการดำเนินการบำบัดรักษาและติดตามช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษา เป้าหมายใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ตอนบน ดำเนินการติดตามช่วยเหลือ ผู้ผ่านการบำบัดรักษา 3 ระบบ ดำเนินการติดตามช่วยเหลือแล้ว 12,090 ราย กองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดเชียงใหม่ ขับเคลื่อนโครงการ กองทุนแม่ของแผ่นดิน ปี 2561 ศูนย์การเรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น บ้านหนองปลามัน ตำบลห้วยทราย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ในส่วนของ จ.เชียงราย ดำเนินการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในเชิงพื้นที่ (Area) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์ยาเสพติดรุนแรง โดยใช้งบพัฒนา จังหวัดเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ทำโครงการป้องกันการ แพร่ระบาดในพื้นตอนในและพื้นที่ชายแดนตามแนวทางประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ.2561
ด้านการบำบัดรักษาสถานการณ์และสภาพปัญหาในพื้นที่จ.เชียงใหม่, จ.เชียงราย และจ.แม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดสูง เนื่องจากมีทั้งแหล่งผลิต แหล่งพัก และเป็นช่องทางขนส่งยาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนผู้เสพ ยาเสพติดสูง โดยตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 – 14 สิงหาคม 2561 จ.เชียงใหม่ มีผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด จำนวน 7,854 คน ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพมหานคร
ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้เพื่อการรับทราบสถานการณ์ และสรุปผลการดำเนินงานและวางแนวทางการปฏิบัติในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบนต่อไป.
